NCDs กลุ่มโรคไม่ติดต่อแต่ติดตัว แค่ปรับไลฟ์สไตล์ก็เลี่ยงได้

ยุคนี้ อะไรๆ ก็ด่วนเร่งรีบไปหมด จนบางครั้งคนเราก็ต้องทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน บางคนกินข้าวขณะทำงานหรือเดินทาง บางคนกินอาหารจากร้านสะดวกซื้อหรือฟาสต์ฟู้ดเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไหนจะความเครียดสะสมจากการทำงาน ไหนจะนอนดึกตื่นเช้าจนไม่ได้พักผ่อน รวมไปถึงไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไลฟ์สไตล์เหล่านี้นำไปสู่การเกิดกลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable Diseases) โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตถึง 74% ของการเสียชีวิตทั้งหมดในประเทศ

โรค NCDs คือโรคที่เกิดจากพฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิต ไม่ได้มีสาเหตุมาจากเชื้อโรคหรือการแพร่กระจายแต่อย่างใด โดยตัวอย่างโรคในกลุ่มโรค NCDs ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดเลือดสมอง โรคอ้วนลงพุง และโรคมะเร็ง¹

แม้โรคเหล่านี้จะฟังดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่จากสถิติในปีพ.ศ. 2566 เผยให้เห็นว่าจำนวนผู้ป่วยโรค NCDs ในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง² อัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยกลุ่มโรคดังกล่าวก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน ที่น่าตกใจคือคนวัยทำงานส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรค NCDs³

ด้วยความที่โรค NCDs คือโรคที่เป็นผลจากพฤติกรรมเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม ไม่ออกกำลังกาย สูบบุหรี่ เครียดและนอนหลับไม่เพียงพอ หากต้องการจะหลีกเลี่ยงโรค NCDs ก็อยู่ที่การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้นั่นเอง

จากการสำรวจพบว่าพฤติกรรมเสี่ยงอันดับ 1 ต่อการเกิดโรค NCDs ในประชากรไทย คือการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม โดยคนไทยมีสถิติการบริโภคแอลกอฮอล์สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งยังบริโภคเกลือและน้ำตาลสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ ถึง 2 และ 4 เท่า ยิ่งไปกว่านั้นคือคนไทยถึง 42% มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ จัดเป็นประเทศที่มีปัญหาโรคอ้วนสูงเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย

เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบันจะเร่งรีบแค่ไหนก็ตาม การใส่ใจดูแลสุขภาพก็ยังเป็นเรื่องจำเป็น โดยสามารถเริ่มได้จากวิธีที่ง่ายที่สุดและสำคัญที่สุด นั่นคือการกินอาหารที่เหมาะสม มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เคล็ดลับสำคัญของวิธีนี้เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการคัดสรรวัตถุดิบที่ช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดี

ปรับไลฟ์สไตล์ กินอย่างไรให้สุขภาพดี?

การกินอาหารที่ดีและถูกหลักโภชนาการ ไม่เพียงช่วยให้มีสุขภาพดี แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค NCDs ด้วยเช่นกัน⁴ โดยอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีทั้ง ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ปลา ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่อุดมไปด้วยโปรตีน แร่ธาตุ วิตามิน คาร์โบไฮเดรต และไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย⁶

“ไขมัน” อาจเป็นสิ่งที่ใครๆ มองว่าทำให้อ้วน และควรหลีกเลี่ยง แต่ที่จริงแล้วไขมันคือสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ทั้งยังมีหน้าที่ เช่น ดูดซึมและสะสมวิตามินที่ละลายในไขมัน ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ร่างกาย ยิ่งกว่านั้นคือไขมันมีทั้งแบบที่ให้โทษ นั่นคือไขมันเลว (LDL) ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่มีโทษต่อร่างกาย และอีกประเภทคือไขมันดี (HDL) ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

ไขมันทรานส์ คือกรดไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งส่งผลให้ระดับ LDL เพิ่มขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่ทว่าไขมันชนิดนี้ กลับมีอยู่ในอาหารหลายอย่าง เช่น ขนมเบเกอรีที่มีมาการีนเป็นส่วนประกอบ รวมไปถึงอาหารอบ อาหารทอด และอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ^6,7

ในขณะเดียวกัน ไขมันดี ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ คือกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ซึ่งพบได้ใน น้ำมันจากพืช อะโวคาโด ถั่วต่างๆ และปลาที่มีไขมัน⁸

ดังนั้นแล้ว การเลือกกินไขมันให้ถูกประเภทจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่การมีสุขภาพดี หนึ่งในวัตถุดิบที่อุดมไปด้วยไขมันดี และสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งผัด ทอด สลัด รวมถึงทำเบเกอรี คือ “น้ำมันรำข้าว” และ “ไขมันน้ำมันรำข้าว”  ที่ไม่มีกลิ่น และมีรสชาติเป็นกลาง

คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยรังสรรค์เมนูอาหารสุขภาพดีที่ถูกใจได้หลากหลายกว่าเดิม

น้ำมันรำข้าว แหล่งรวมสารอาหารชั้นดีที่ละลายในน้ำมัน

น้ำมันรำข้าว คือหนึ่งในวัตถุดิบที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น โอรีซานอล ไฟโตสเตอรอล กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และวิตามินอี 2 กลุ่ม คือโทโคฟีรอล และโทโคไตรอีนอล

สารอาหารเหล่านี้ ล้วนเป็นสารอาหารตามธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติในการลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี หรือไขมันเลว พ่วงด้วยคุณประโยชน์เพิ่มเติมแตกต่างกันไปในแต่ละชนิดดังนี้

เริ่มจากโอรีซานอล ที่พบได้เฉพาะในน้ำมันรำข้าว นอกจากจะมีสรรพคุณช่วยลดระดับไขมันเลวในร่างกายแล้ว ยังช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย^9,10  ถัดมาคือ ไฟโตสเตอรอล ที่พบได้ใน ผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืช ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลถึง 5% และลดไขมันเลว 9%^11,12,13  นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFA) ที่ช่วยเพิ่มหรือรักษาระดับไขมันดีให้คงที่ และต้านการอักเสบ^14,15

ที่ขาดไปไม่ได้ คือโทโคฟีรอล¹⁶และโทโคไตรอีนอล สารอาหารในกลุ่มวิตามินอี โดยจากหลักฐานทางงานวิจัยพบว่าสารอาหารในกลุ่มนี้ มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ โดยโทโคไตรอีนอล ยังช่วยต้านการอักเสบ รวมถึงป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน มะเร็ง เบาหวาน และโรคระบบประสาทเสื่อมอีกด้วย^{17, 18, 19}

คุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่มีโทษ (LDL) ของสารอาหารที่มีอยู่ในน้ำมันรำข้าวเหล่านี้ ช่วยดูแลและลดความเสี่ยงของปัจจัยที่อาจทำให้เกิดโรคหัวใจ เพราะหากไขมันชนิดนี้ไปสะสมในผนังหลอดเลือด ก็จะส่งผลให้หลอดเลือดแดงตีบและแข็ง และพัฒนาไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน²⁰  น้ำมันรำข้าวมีค่ากรดไขมันทรานส์ 0 กรัม เรียกได้ว่าปราศจากไขมันไม่อิ่มตัว ที่ส่งผลให้ระดับ LDL เพิ่มขึ้น  และไม่เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

รักสุขภาพ เริ่มจากรักษ์หัวใจ การเลือกน้ำมันรำข้าวจึงสำคัญ

การกินอาหารที่ดี เป็นจุดเริ่มต้นของการดูแลสุขภาพหัวใจ มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้ออกตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” ตรารับรองผลิตภัณฑ์อาหารที่ผ่านเกณฑ์ป้องกันอุบัติการณ์โรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเน้นลดหวาน มัน เค็ม และมีใยอาหารสูง ซึ่งในส่วนของน้ำมัน จะต้องมีสัดส่วนของไขมันที่เหมาะสม และมีปริมาณวิตามินอีตามเกณฑ์กำหนด²¹

การเลือกน้ำมันรำข้าวที่มีตรา “อาหารรักษ์หัวใจ” ช่วยให้มั่นใจว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยอีกหนึ่งวิธีคัดสรรน้ำมันรำข้าวที่จะช่วยรับประกันคุณภาพสินค้าได้เป็นอย่างดี คือการเลือกน้ำมันรำข้าวที่ผลิตโดยผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ

เป็นที่รู้กันดีว่าคุณภาพของข้าวไทย ถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก การเลือกน้ำมันรำข้าวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งของไทยและระดับสากล ผลิตจากข้าวไทย 100% ผ่านการคัดสรร และตรวจสอบอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน จึงไม่เพียงบ่งบอกถึงคุณภาพ แต่ยังเป็นการสนับสนุนผลผลิตจากชาวนาไทย และเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรงอีกด้วย

ดังนั้นแล้วจะเห็นได้ว่า ขั้นตอนการเลือกซื้อน้ำมันรำข้าว ก็มีส่วนสำคัญในการคัดสรรคุณภาพ และคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ในการพิจารณา อย่างเช่น เป็นแบรนด์ที่มีมานาน มาจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ รวมไปถึงสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการที่ระบุบนฉลากต้องสามารถพิสูจน์และตรวจสอบได้ พร้อมมองหาตราสัญลักษณ์ “อาหารรักษ์หัวใจ” เพื่อให้มั่นใจว่าได้เลือกซื้อน้ำมันรำข้าวที่ดีต่อสุขภาพจริง

แม้การปรับไลฟ์สไตล์การกินอาจฟังดูเป็นเรื่องยาก แต่อาหารที่เฮลธ์ตี้ก็สามารถเป็นอาหารที่อร่อยได้เช่นกัน เมนูอาหารที่หลากหลายจะช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับการกินอาหารที่ดีต่อใจ ให้ห่างไกลจากโรค NCDs เพราะอาหารเฮลธ์ตี้ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารนึ่งหรือต้มอีกต่อไป จะเป็นอาหารผัด ทอด หรือขนมเบเกอรี ก็เป็นอาหารเพื่อสุขภาพได้ หากใช้วัตถุดิบรักษ์หัวใจ อย่าง “น้ำมันรำข้าว” ในการทำ ก็ช่วยดูแลสุขภาพคุณ ให้รู้สึกดีแบบที่ ‘ใจรู้สึกได้’